การส่งเสริมการลงทุนและสิทธิประโยชน์จากBOI
BOI (Board of Investment) หรือ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน มีหน้าที่และความรับผิดชอบในการส่งเสริมการลงทุนทั้งในประเทศและการลงทุนของไทยในต่างประเทศ เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้ประเทศของเราก้าวพ้นการเป็นประเทศที่มีรายได้ระดับปานกลาง (Middle Income Trap) ไปจนถึงเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนทางเศรษฐกิจ แต่การนำบริษัทของเราเข้า BOI หรือการที่ BOI เข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมการทำธุรกิจนั้น ๆ จะมีข้อดีอย่างไร

การลงทุนในประเทศไทยมีข้อดีอย่างไร?
ก่อนอื่นเราควรทำความเข้าใจก่อนว่า ประเทศไทยของเรานั้นมีจุดแข็งอยู่หลายประการที่จะสามารถสร้างผลกำไรหลาย ๆ อย่างกลับสู่ภาครัฐและเอกชนภายในประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นด้านทรัพยากร ภูมิอากาศ ภูมิประเทศ และจุดแข็งด้านอื่น ได้แก่
1.แรงงานทักษะฝีมือที่มีคุณภาพและมีจำนวนมากกว่าประเทศอื่น
2.วัตถุดิบทางการเกษตรที่มีศักยภาพทั้งในด้านปริมาณและคุณภาพ นอกจากนี้มีผลผลิตทางการเกษตรที่หลากหลาย เช่น ข้าว ยางพารา อ้อย ผักและผลไม้สด เป็นต้น
3.ที่ตั้งเหมาะสมในด้านการเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคอาเซียน ทำให้มีข้อได้เปรียบหลายอย่างโดยเฉพาะการขนส่งและการคมนาคมทั้งทางบก ทางน้ำ ไปจนถึงทางอากาศ
สิทธิประโยชน์เมื่อได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI
สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
1.ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลสูงสุด 13 ปี (ขึ้นกับประเภทกิจการและเงื่อนไข)
2.ลดหย่อนภาษีเงินได้ 50% อีก 5 ปี (เฉพาะเขตส่งเสริมการลงทุน)
3.ยกเว้นอากรขาเข้าเครื่องจักร
4.ยกเว้นอากรขาเข้าวัตถุดิบผลิตเพื่อการส่งออก
5.ยกเว้นอากรขาเข้าสำหรับของที่นำเข้ามาเพื่อใช้ในการวิจัยและพัฒนา
สิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี
1.อนุญาตต่างชาติถือหุ้น 100% (ยกเว้นกิจการตามบัญชีหนึ่งท้ายพระราชบัญญัติประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวหรือที่มีกฎหมายอื่นกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ)
2.อนุญาตให้ถือครองกรรมสิทธิ์ที่ดิน
3.อนุญาตให้ช่างฝีมือ/ผู้ชำนาญการเข้ามาทำงาน
8 ประเภทกิจการที่ BOI ให้การส่งเสริมการลงทุน
1.เกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร เช่น กิจการปลูกไม้เศรษฐกิจ, กิจการปุ๋ยชีวภาพและปุ๋ยเคมี, กิจการด้านการเกษตรกรรมต่าง ๆ
2.แร่ เซรามิกส์ และโลหะขั้นพื้นฐาน เช่น กิจการเหมืองแร่ ตัดและผลิตโลหะ, กิจการผลิตแก้วและเซรามิคส์
3.อุตสาหกรรมเบา เช่น กิจการสิ่งทอ, กิจการผลิตกระเป๋าหรือรองเท้า, กิจการผลิตของเล่น
4.ผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักร และอุปกรณ์ขนส่ง เช่น กิจการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์และเครื่องจักร
- อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เช่น กิจการซอฟท์แวร์และการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
6.เคมีภัณฑ์ พลาสติก และกระดาษ เช่น กิจการผลิตบรรจุภัณฑ์จากกระดาษ, กิจการผลิตยา, กิจการผลิตพอลิเมอร์
7.การบริการและสาธารณูปโภค เช่น กิจการผลิตพลังงานไฟฟ้าหรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากขยะ หรือเชื้อเพลิงจากขยะ, กิจการนิคมและการพัฒนา, กิจการ Cloud service
8.การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น กิจการพัฒนาไบโอเทคโนโลยี, กิจการพัฒนานาโนเทคโนโลยี, กิจการพัฒนาดิจิทัลเทคโนโลยี

หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ BOI มีหลักเกณฑ์ในการอนุมัติโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุน ดังนี้
- การพัฒนาความสามารถในการแข่งขันของภาคเกษตร ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการ
- ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของรายได้ ยกเว้นกิจการเกษตรกรรมและผลิตผลจากการเกษตร กิจการอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วนและกิจการตัดโลหะ ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของรายได้
- ต้องมีกรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย
- ต้องใช้เครื่องจักรใหม่ กรณีการใช้เครื่องจักรใช้แล้วจากต่างประเทศ มีหลักเกณฑ์ดังนี้
1.1 เครื่องจักรใช้แล้วที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ในโครงการ และให้นับเป็น เงินลงทุนสำหรับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า ต้องมีอายุไม่เกิน 5 ปี นับตั้งแต่ปีที่ผลิตถึงปีที่นำเข้า โดยต้องได้รับใบรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ ในด้านประสิทธิภาพของเครื่องจักร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงาน รวมทั้งการประเมินราคาที่เหมาะสม
1.2 สำหรับเครื่องจักรใช้แล้วที่มีอายุเกิน 5 ปี แต่ไม่เกิน 10 ปี นับตั้งแต่ปีที่ผลิตถึงปีที่นำเข้า ที่จะได้รับอนุญาตให้ใช้ในโครงการ และให้นับเป็นเงินลงทุนสำหรับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล แต่ไม่ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า ได้แก่ เครื่องปั๊มเท่านั้น โดยต้องได้รับใบรับรองจากสถาบันที่เชื่อถือได้ ในด้านประสิทธิภาพของเครื่องจักร ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและการใช้พลังงาน รวมทั้งการประเมินราคาที่เหมาะสม
1.3 สำหรับกิจการขนส่งทางเรือ กิจการขนส่งทางอากาศ และแม่พิมพ์ จะอนุญาตให้ใช้เครื่องจักรใช้แล้วที่มีอายุเกิน 10 ปีในโครงการได้ตามความเหมาะสม โดยให้ได้รับยกเว้นอากรขาเข้า และให้นับเป็นเงินลงทุนสำหรับการยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล
- เงินลงทุนขั้นต่ำและความเป็นไปได้ของโครงการ
- ต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำของแต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) เว้นแต่กรณีที่กำหนดไว้เป็นการเฉพาะในบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุนท้ายประกาศทั้งนี้
- สำหรับกลุ่มธุรกิจบริการที่ใช้ฐานความรู้เป็นปัจจัยหลักในการดำเนินธุรกิจ ให้พิจารณาเงินลงทุนขั้นต่ำจากเงินเดือนบุคลากรต่อปี ซึ่งจะกำหนดไว้เป็นการเฉพาะในบัญชีประเภทกิจการที่ให้การส่งเสริมการลงทุน
- ต้องมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 ต่อ 1 สำหรับโครงการริเริ่ม ส่วนโครงการขยายจะพิจารณาตามความเหมาะสมเป็นรายกรณี
- โครงการที่มีเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) มากกว่า 750 ล้านบาท ต้องเสนอรายละเอียดรายงานการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการตามที่คณะกรรมการกำหนด
ขั้นตอนการขอรับการส่งเสริมและการใช้สิทธิประโยชน์จาก BOI

ความยากง่ายในการขอขอรับการส่งเสริมจาก BOI
การนำบริษัทหรือกิจการสมัครเข้ารับขอการส่งเสริมจากเข้า BOI หรือที่เราเรียกกันง่าย ๆ ว่านำบริษัทเข้า BOI นั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่ต้องอาศัยความละเอียดรอบคอบ ทั้งในด้านการจัดเตรียมเอกสาร การตรวจสอบเงื่อนไขว่ากิจการของเราตรงกับเงื่อนไขที่ทาง BOI กำหนดหรือไม่ หากเงื่อนไขตรงตามที่ BOI กำหนดก็สามารถยื่นคำขอได้เลยโดยไม่ต้องกังวล แต่ที่สำคัญก็คือการเตรียมเอกสารให้ครบถ้วนตามคู่มือยื่นคำขอจากทาง BOI เพราะหลักเกณฑ์และเงื่อนไขนั้นไม่ยาก แต่สิ่งที่ต้องเอาใจใส่มาก ๆ คือเรื่องเอกสารต่าง ๆ โดยคุณสามารถตรวจสอบขั้นตอนการยื่นคำขอฯ และเอกสารต่าง ๆ ได้ที่ https://www.boi.go.th/index.php?page=apply_form
สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวบไซต์บีโอไอ https://www.boi.go.th/index.php?page=index&language=th
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน
เรียบเรียงโดย : โรงเรียนธุรกิจการขนส่งและการค้าระหว่างประเทศ(ITBS)